ตำรวจไซเบอร์รวบ “เจ้ากรมข่าวลือ” โพสต์เฟคนิวส์ปั่นป่วนชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมจับสาวใหญ่โพสต์อวดปืนผิดกฎหมาย

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พร้อมด้วยรอง ผบช.สอท. และผู้บังคับการในสังกัด ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติงานสำคัญ ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 ตามนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศ

การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลมาจากการสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร., พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ที่ได้กำชับให้ตำรวจไซเบอร์เร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเด็ดขาด

ผลการปฏิบัติงานสำคัญ มีดังนี้:

1. จับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับข่าวปลอม (FAKE NEWS): เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ได้สืบสวนพบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Lucky Farm” มีพฤติกรรมโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับปัญหาแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อและเกิดความตื่นตระหนก เช่น การโพสต์ว่าเกิดเหตุระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้มีทหารเสียชีวิตหลายราย และมีการสั่งให้อพยพประชาชนบริเวณชายแดน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง

ต่อมา วันที่ 8 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิชชานันทน์ ผกก.2 บก.สอท.3 ได้สนธิกำลังร่วมกับ พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กุดลาด อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี สามารถจับกุม น.ส.ภิรัญญาฯ อายุ 32 ปี ชาวอุบลราชธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศฯ” พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการกระทำผิด

จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ภิรัญญาฯ ยอมรับว่าปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพ และได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ อีกทั้งมีอคติเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทย-กัมพูชาอยู่แล้ว จึงได้คิดข้อความและโพสต์ลงในสื่อโซเชียลส่วนตัว โดยไม่ได้มีเจตนาเพื่อสร้างรายได้ใดๆ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่มีหน้าที่ปกป้องสังคมจากข้อมูลเท็จที่สร้างผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ไม่ประสงค์ดีพยายามใช้ข้อมูลเท็จปลอมเป็นข่าว เพื่อบิดเบือนหรือสร้างความเข้าใจผิดในวงกว้างผ่านโซเชียลมีเดีย การดำเนินการในกรณีนี้จึงมุ่งปกป้องสิทธิของประชาชนที่จะได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง และไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของข้อมูลที่ถูกจัดทำขึ้นโดยมีเป้าหมายอื่นแอบแฝง การใช้สิทธิเสรีภาพจึงควรมาพร้อมกับความรับผิดชอบ เนื่องจากข่าวปลอมเพียงโพสต์เดียวอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดในวงกว้าง ความตื่นตระหนก และสร้างความเสียหายทั้งต่อบุคคลและสาธารณะได้

2. จับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนผิดกฎหมาย: เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 ได้สืบสวนพบเฟซบุ๊กชื่อว่า “อ๋อย เกาะปักเป้า” มีพฤติกรรมโพสต์ภาพหญิงสาวพกอาวุธปืนโชว์, ภาพอวดอาวุธปืนหลายกระบอกวางบนโต๊ะหน้าบ้าน และโพสต์อวดใบรับรองการยิงปืนจากสนามยิงปืน

ต่อมา พ.ต.ท.ศราวุธ ตะดวงดี และ พ.ต.ท.บุญเสริม อนุมาตรฉิมพลี สว.กก.3 บก.สอท.2 ได้นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดราชบุรี เข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ถ.เพชรเกษม ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี สามารถจับกุม นางกิติยา หรือ จูน อายุ 41 ปี พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนพกสั้น แบบกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Beretta รุ่น MOD.92 fs จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 12 นัด, แม็กกาซีนสำหรับบรรจุกระสุนปืน จำนวน 1 อัน และซองพกในหนังสีดำ จำนวน 1 ชิ้น

เบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับว่าของกลางดังกล่าวเป็นของตนเองจริง โดยซื้อมาในราคา 40,000 บาท เพื่อไว้ป้องกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” พร้อมนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งสืบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาของอาวุธปืนดังกล่าวต่อไป.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *